ย้อนรอยเมืองรือเสาะ |
|
ย้อนไปสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในขณะที่เส้นทางคมนาคมทางบกยังไม่มี ผู้คนในสมัยนั้นได้หลักแหล่งอยู่ในบริเวณริมแม่น้ำ และอาศัย เส้นทางคมนาคมขนส่งทางน้ำโดยใช้แม่น้ำสายบุรีเป็นเส้นทางหลัก สินค้าที่ล่องมาจากปากแม่น้ำสายบุรีที่สำคัญ คือ เกลือ ส่วนสินค้าที่ล่องกลับไป ได้แก่ของป่า อาทิเช่น งาช้าง เครื่องหอม เครื่องเทศ ไม้จันทร์หอมและไม้ต่างๆ เมืองเดิมขณะนั้นมีฐานะเป็นเพียง ตำบลซึ่งมีชื่อเรียกว่า ตำบลตำมะหงัน โดยอยู่ภายใต้การปกครองของอำเภอตันหยงมัส (อำเภอระแงะในปัจจุบัน) |
|
จนกระทั่งในปี พ.ศ.2460 ตำบลตะมะหงัน มีความเจริญขึ้น ทางราชการจึงได้ยกฐานะเป็นกิ่งอำเภอ ตำมะหงัน และมีที่ว่าการกิ่งอำเภอแห่งแรกตั้งอยู่ที่ บ้านตะโละบาโย (หาดม้า) ซึ่งห่างจากที่ว่าการอำเภอปัจจุบัน 5 กิโลเมตร โดยมี ขุนอุปการประชากร เป็นปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอตำมะหงันคนแรก สำหรับปูชนียบุคคล รุ่นบุกเบิกในสมัยนั้นมี 2 ท่านด้วยกันคือ ขุนอุปการประชากร และขุนสารกิจโดยขุนอุปการประชากร เป็นชาวไทย- พุทธครอบครองที่ฝั่งตะวันออก และเป็นต้นตระกูล อัครมาส ส่วนขุนสารกิจนั้นเป็นชาวไทยมุสลิม ครอบครองที่ดิน ฝั่งตะวันตก และมีตำแหน่งเป็นกำนันตำบลตำมะหงัน เป็นต้นตระกูล ซันดือเระโซ๊ะ บุคคลทั้งสองท่านมีส่วนสำคัญ อย่างยิ่งในการวางรากฐานของเมืองรือเสาะ เป็นผู้สร้างสาธารณูปโภคและสาธารณูปการมากมายมาจนถึงปัจจุบัน |
|
ขุนอุปการประชากร |
|
เนื่องจากขุนอุปการประชากรเป็นชาวไทยพุทธจึงเป็นผู้สร้างวัดราษฎร์สโมสร และสละทรัพย์สิน ที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงเรียนบ้านยะบะ (อุปการวิทยา) ถนน และสถานที่ราชการต่างๆ ส่วนขุนสารกิจเป็นชาวไทยมุสลิม เป็นผู้สร้างมัสยิดยุมอียะห์ ซึ่งคือมัสยิดกลางของอำเภอรือเสาะ จนถึงปัจจุบัน |
|
ปัจจุบันสถูปของขุนอุปการประชากร ยังคงมีให้ลูกหลานได้เคารพกราบไหว้ ณ วัดราษฎร์สโมสร ส่วนหลุมฝังศพของขุนสารกิจนั้น อยู่ บริเวณด้านหลังของมัสยิดยุมอียะห์ ทั้งสองได้ให้กำเนิดลูกหลานและสร้างความเจริญให้กับอำเภอรือเสาะเพื่อสืบสานความตั้งใจของท่านที่ต้องการ ให้อำเภอรือเสาะมีความเจริญและความสงบสุขตลอดไป | |
ครั้นเมื่อถึงสมัยรัชการที่ 5 ได้ทรงโปรดให้มีการตัดเส้นทางรถไฟสายใต้ไปจนถึงอำเภอสุไหง-โกลก โดยมีวิศวกรชาวอังกฤษเป็นช่าง ใหญ่ เส้นทางรถไฟสายนี้พาดผ่านอำเภอตำมะหงันที่บริเวณบ้านยะบะหรือบริเวณหมู่ที่ 1ตำบลรือเสาะออกในปัจจุบัน จึงก่อให้เกิดการเคลื่อนย้าย ชุมชนเดิมจากบ้านตะโละบาโยมายังบริเวณบ้านยะบะหรือเมืองรือเสาะในปัจจุบันและเปลี่ยนชื่อจากกิ่งอำเภอตำมะหงันเป็นกิ่งอำเภอรือเสาะแต่ยัง คงขึ้นอยู่กับอำเภอระแงะเช่นเดิม จนกระทั่งในปี พ.ศ.2482 ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกายกฐานะกิ่งอำเภอรือเสาะขึ้นเป็นอำเภอรือเสาะ และอยู่ ในเขตปกครองของจังหวัดนราธิวาส โดยมีนายชำนาญ มรรคา ดำรงตำแหน่งนายอำเภอรือเสาะเป็นคนแรกและอาณาเขตของอำเภอรือเสาะ ในสมัยแรกนั้นครอบคลุมการปกครองไปจนถึงอำเภ ศรีสาครในปัจจุบัน | |
คำว่า รือเสาะ เป็นภาษามลายู แปลว่า ต้นสักน้ำเป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งซึ่งมีในทางภาคใต้ ปัจจุบันยังมีให้เห็นกันอยู่ เช่น ที่บ้านรือเสาะ ตำบลรือเสาะ และที่ป่าพรุโต๊ะแดง อำเภอสุไหงโก-ลก แต่เดิมบ้านรือเสาะมีพันธุ์ไม้ชนิดนี้มาก นอกจากการเรียกชื่ออำเภอรือเสาะ แล้ว ชาวบ้านยังนิยมเรียกชื่ออำเภอนี้ว่าอำเภอยะบะซึ่งคำว่า ยะบะ หมายถึง การแสดงคารวะโดยการจับมือกัน อันเป็นการแสดงไมตรีจิต อำเภอยะบะจึงมีความหมายอีกนัยหนึ่งว่าเป็นอำเภอที่ผู้คนมีไมตรีจิตต่อกัน | |
ต้นรือเสาะ มัสยิดยุมอียะห์ |
|
สุสานฝังศพ (กูโบร์) ขุนสารกิจ |
|